หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS7 23


ทริสเรทติ้ง ลดอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 'บ. อมตะ คอร์ปอเรชัน' เป็น'A-' จาก 'A' แนวโน้ม 'Stable'

      ทริสเรทติ้ง ปรับลดอันดับเครดิตองค์กร และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ ของ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) มาอยู่ที่ระดับ 'A-' จากเดิมที่ระดับ 'A' ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่' การปรับลดอันดับเครดิตสะท้อนถึงภาระหนี้ของบริษัทที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากแผนการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอุปสงค์ในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่อ่อนแอลงมากจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยอันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อันดับเครดิตยังคงพิจารณาถึงความผันผวนของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงความเสี่ยงของประเทศและความเสี่ยงด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทในต่างประเทศ

         อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงผลงานที่ได้รับการยอมรับของบริษัทในฐานะหนึ่งในผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในประเทศไทย รวมทั้งฐานรายได้ประจำจำนวนมากจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคและเงินปันผลรับจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าหลายแห่ง

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

ภาระหนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

     การขยายงานอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ภาระหนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท ณ เดือนมีนาคม 2563 จาก 7.0 พันล้านบาทในปี 2560 อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 44.1% ณ เดือนมีนาคม 2563 จาก 31.7% ในปี 2560

       ทริสเรทติ้ง คาดว่าภาระหนี้ของบริษัทจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากบริษัทมีโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการรออยู่ บริษัทมีแผนในการซื้อและพัฒนาที่ดินในประเทศไทย ตลอดจนพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่หลายแห่งในประเทศเวียดนาม เมียนมาร์ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว) ทริสเรทติ้งคาดว่าค่าใช้จ่ายลงทุนของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 6-7 พันล้านบาทต่อปีในช่วง 3 ปีข้างหน้า

       แผนการลงทุนจำนวนมาก กอปรกับภาวะอุปสงค์ที่อ่อนแอลงของธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและความล่าช้าของโครงการในต่างประเทศหลายโครงการจะส่งผลให้ภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นมาก ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 8-9 เท่าในปี 2563-2565 จากระดับ 4.2 เท่าในปี 2562 ในขณะที่อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนของบริษัทจะเพิ่มมาอยู่ที่ 47%-55% ในปี 2563-2565 จากระดับ 40.5% ในปี 2562

ยอดขายที่ดินลดลงจากโควิด-19

        ไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมลดลง จากมาตรการควบคุมการเดินทาง ตลอดจนเศรษฐกิจที่ตกต่ำจากการแพร่ระบาดของไวรัส

       ทริสเรทติ้ง ปรับลดแนวโน้มการเติบโตของบริษัทลงจากประมาณการเดิมเพื่อสะท้อนถึงความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดดังกล่าว ทั้งนี้ เราคาดการณ์ว่ายอดขายที่ดินจะหดตัวลงในปี 2563 และจะค่อย ๆ ฟื้นตัวดีขึ้นในปี 2564 เป็นต้นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษีในโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ทั้งนี้ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการขายที่ดินจะลดลงจาก 3.2 พันล้านบาทในปี 2562 มาอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ในปี 2563 และจะค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 2.4-3.7 พันล้านบาทในปี 2564-2565

       ในอนาคตข้างหน้า ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าบริษัทจะยังคงได้ประโยชน์จากโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกจากการที่บริษัทมีที่ดินจำนวนมากถึงประมาณ 13,000 ไร่ในจังหวัดชลบุรีและระยอง อีกทั้งความต้องการในการย้ายฐานการผลิตซึ่งเป็นผลมาจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Disruption) ในช่วงโควิด-19 และความตึงเครียดของสงครามทางการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศจีน

การลดลงของรายได้จากประเทศเวียดนาม

       ในระหว่างปี 2559-2561 บริษัทมียอดขายที่ดินในเวียดนามจำนวน 40-220 ไร่ต่อปี รายได้จากการขายที่ดินในประเทศเวียดนามอยู่ที่ระดับ 356-642 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 16%-33% ของรายได้จากการขายที่ดินทั้งหมดของบริษัท อย่างไรก็ตาม รายได้จากการขายที่ดินในเวียดนามลดลงมาเหลือเพียง 62 ล้านบาทในปี 2562 หรือเท่ากับจำนวน 13 ไร่ เนื่องจากบริษัทไม่มีที่ดินที่พร้อมรอขาย

          ยอดขายที่ดินในประเทศเวียดนามจะยังคงลดลงในปี 2563-2564 บริษัทยังคงเผชิญความไม่แน่นอนในหลายประเด็นที่เกิดจากความล่าช้าของการได้รับใบอนุญาตเพื่อที่จะพัฒนาที่ดิน สำหรับนิคมอุตสาหกรรมแห่งใหม่ในประเทศเวียดนามของบริษัทคือ Amata City Long Thanh (ACLT) และ Amata City Halong (ACHL) นั้นอยู่ในระหว่างขั้นตอนการยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้าง ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่า ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวจะล่าช้าต่อไปอีกและคาดว่ารายได้จะเริ่มเข้ามาในปลายปี 2564

เป็นผู้นำในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของไทยและมีประสบการณ์ที่กว้างขวางในประเทศเวียดนาม

       บริษัทเป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรมของไทยมานานถึง 30 ปี บริษัทมียอดขายที่ดินมากเป็นอันดับสองเมื่อพิจารณาจากปริมาณขายที่ดินรวมของทั้งประเทศ โดยบริษัทมีส่วนแบ่งทางการตลาดโดยเฉลี่ยที่ระดับ 29% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่มีการขายที่ดินมากที่สุดคือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (41%) และอันดับสามคือ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) (18%)

        นอกเหนือจากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยแล้ว บริษัทยังได้ขยายการลงทุนไปในประเทศเวียดนามตั้งแต่ปี 2537 บริษัทมีนิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกในประเทศเวียดนามคือ Amata City (Bien Hoa) Industrial Estate (ACBH) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการพัฒนานิคมแห่งใหม่อีก 2 แห่งในเมือง Long Thanh และ Halong ด้วย

ฐานรายได้ประจำช่วยลดผลกระทบในช่วงเศรษฐกิจขาลงได้บางส่วน

     สถานะทางธุรกิจของบริษัทแข็งแกร่งขึ้นจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ประจำจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค รายได้ดังกล่าวมีความแน่นอนสูงและช่วยลดความผันผวนของยอดขายที่ดินได้บางส่วน ธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคของบริษัทครอบคลุมไปถึงการให้บริการน้ำดิบ น้ำเพื่อการอุตสาหกรรม และบริการบำบัดน้ำเสีย บริษัทมีรายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.9 พันล้านบาท หรือ 33% ของรายได้รวมในปี 2562 จาก 1.3 พันล้านบาท หรือ 17% ของรายได้รวมในปี 2556 การเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณลูกค้าและความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ ในนิคมอุตสาหกรรมของบริษัท

               จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายตัดสินใจหยุดหรือลดปริมาณการผลิตลง ซึ่งส่งผลให้รายได้จากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคของบริษัทลดลงในไตรมาสแรกของปี 2563 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งยังคงมีมุมมองที่ดีต่อแนวโน้มของธุรกิจสาธาณูปโภค แม้ว่ารายได้ประจำจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภคคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยในปี 2563 แต่จะฟื้นตัวกลับมาในปี 2564

เงินปันผลจากธุรกิจโรงไฟฟ้าช่วยเพิ่มกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอแก่บริษัท

        บริษัทได้รับเงินปันผลจากการลงทุนในโรงไฟฟ้าหลายแห่งร่วมกับ บริษัท บี. กริม เพาเวอร์ จำกัด ปัจจุบันกำลังการผลิตติดตั้งรวมของโรงไฟฟ้าตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทอยู่ที่ 260 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ บริษัทยังถือหุ้นผ่านกิจการร่วมทุนในสัดส่วน 4.0% ในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้า อมตะ บี. กริม เพาเวอร์ (ABPIF) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงไฟฟ้า 2 แห่งในจังหวัดชลบุรีด้วย ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดว่าบริษัทจะได้รับเงินปันผลจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าประมาณ 0.4-0.6 พันล้านบาทต่อปี

สภาพคล่องอยู่ในระดับที่จัดการได้

       ทริสเรทติ้ง ประเมินสภาพคล่องของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้ายังอยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ โดย ณ เดือนมีนาคม 2563 แหล่งเงินทุนของบริษัทประกอบด้วยเงินสดและเงินลงทุนระยะสั้นจำนวน 2.3 พันล้านบาท และวงเงินกู้จากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้ประมาณ 2.0 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งยังคาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 12 เดือนข้างหน้าจะอยู่ที่ประมาณ 1.4 พันล้านบาท ในขณะที่บริษัทมีภาระหนี้ที่ครบกำหนดชำระในช่วง 12 เดือนขางหน้าเท่ากับ 2.3 พันล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดจำนวน 1.0 พันล้านบาทและเงินกู้ระยะยาวจากธนาคารจำนวน 1.3 พันล้านบาท ทริสเรทติ้งมีมุมมองว่าความสามารถของบริษัทในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนภายนอก ซึ่งประกอบด้วย เงินกู้จากธนาคารและตลาดทุนในประเทศยังคงเหมือนเดิม

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

  • • รายได้จากการดำเนินงานของบริษัทจะลดลง 25% มาอยู่ที่ระดับ 4.6 พันล้านบาทในปี 2563 และจะเติบโตมาอยู่ที่ระดับ 5.3-6.7 พันล้านบาทในช่วงปี 2564-2565
  • • อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะอยู่ในช่วงระหว่าง 46%-49% ในขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จะอยู่ที่ระดับประมาณ 43%-45%
  • • ค่าใช้จ่ายลงทุนจะอยู่ที่ระดับ 6-7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2563-2565

แนวโน้มอันดับเครดิต

       แนวโน้มอันดับเครดิต 'Stable' หรือ 'คงที่'สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมต่อไปได้ ในขณะที่รายได้ประจำจากธุรกิจให้บริการสาธารณูปโภค รวมทั้งเงินปันผลจากธุรกิจโรงไฟฟ้า และรายได้ค่าเช่าโรงงานอุตสาหกรรมจะช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินงานให้แก่บริษัทได้บางส่วนในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

      อันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหากภาระหนี้ของบริษัทลดลง จนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่ำกว่า 4 เท่าอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในทางตรงกันข้าม อันดับเครดิตของบริษัทอาจถูกปรับลดลง หากบริษัทมีการลงทุนโดยใช้หนี้สินจำนวนมากจนส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินสุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายสูงเกินกว่า 9 เท่า

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 31 ตุลาคม 2550

บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) (AMATA)

อันดับเครดิตองค์กร: A-

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

AMATA20OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A-

AMATA22OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A-

AMATA24OA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A-

AMATA258A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 250 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2568 A-

AMATA288A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 750 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A-

แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

            บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้

        ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!