หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

FITCH12 2


ฟิทช์ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ของ PTTGC ที่ 'AA+(tha)'

     ฟิทช์ เรทติ้งส์ - กรุงเทพฯ - 21 สิงหาคม 2562: บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’ ให้กับหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC (ซึ่งมีอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘AA+(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ)

        หุ้นกู้ดังกล่าวมีมูลค่ารวมไม่เกิน 1.0 หมื่นล้านบาท มีจำนวน 3 ชุด อายุ 5 ปี 7 ปี และ 10 ปี หุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ PTTGC เนื่องจากมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิของบริษัท เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้จะนำไปใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ชำระคืนหนี้ที่ครบกำหนด และใช้สำหรับการลงทุน

 

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

       ความเชื่อมโยงกับบริษัทแม่: อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ PTTGC ได้มีการพิจารณารวมถึงการปรับเพิ่มอันดับเครดิตขึ้นสองอันดับจากสถานะเครดิตโดยลำพัง (Standalone credit profile) ของบริษัทที่ ‘aa-(tha)’ ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระดับปานกลางระหว่างบริษัท กับ บริษัทแม่ หรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.; อันดับเครดิตที่ AAA(tha)/แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ)   ธุรกิจปิโตรเคมี และโรงกลั่น ซึ่ง PTTGC เป็นหนึ่งในผู้ดำเนินการหลักของกลุ่ม มีความสำคัญด้านกลยุทธ์อย่างมากต่อกลุ่ม ปตท. โดยรายได้จากธุรกิจปิโตรเคมี และโรงกลั่น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 31 ของรายได้รวมของกลุ่ม ปตท. ในขณะที่ กำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของกลุ่มในปี 2561 โดยคิดเป็นร้อยละ 28 รองจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 36 ในขณะที่ PTTGC มีความสำคัญด้านกลยุทธ์ต่อธุรกิจปิโตรเคมี และโรงกลั่น ของกลุ่ม ปตท. เนื่องจากเป็นผู้รับซื้อวัตถุดิบที่เป็นผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติที่ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีรายใหญ่ของ ปตท. และ เป็นบริษัทปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดของ ปตท.

       กำไรที่คาดว่าจะลดลงในปี 2562: ฟิทช์คาดว่า EBITDA ของ PTTGC จะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาทในปี 2562 จาก 5.7 หมื่นล้านบาทในปี 2561 เนื่องจากการปรับตัวลดลงของส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภันฑ์ปิโตรเคมี และค่าการกลั่น นอกนี้ปริมาณการขายอาจลดลงจากแผนการหยุดเดินเครื่องเพื่อบำรุงรักษา ของ Aromatics Complex I และ โรงกลั่น ในช่วงเวลาดังกล่าว

        เงินลงทุนที่สูง: ฟิทช์คาดว่ากระแสเงินสดสุทธิของ PTTGC จะติดลบในปี 2562 เนื่องจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานไม่น่าจะเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน และการจ่ายเงินปันผล ฟิทช์คาดว่าค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาทในปี 2562 จาก 3.3 หมื่นล้านบาทในปี 2561 เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการ propylene oxide และ polyol และโครงการ olefins reconfiguration project (ORP) อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO-adjusted net leverage) น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับประมาณ 1.5-1.6 เท่าในปี 2562 จาก 0.9 เท่าในปี 2561 ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 0.6-1.1 เท่าในปี 2563 และ 2564 เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนลดลงหลังจากการก่อสร้างโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จ

       กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นช่วยผลักดันการเติบโต: ปริมาณการขายของ PTTGC น่าจะเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากกำลังการผลิตปิโตรเคมีใหม่ที่เพิ่มขึ้น   บริษัทได้เริ่มดำเนินการผลิตของโครงการผลิต liner low density polyethylene และ hexane-1 ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมกันที่ 434,000 ตันต่อปี ในไตรมาสแรกของปี 2561 และโครงการ Methyl Ester 2 ซึ่งมีกำลังการผลิต 200,000 ตันต่อปี ในไตรมาสแรกของปี 2562 ในขณะที่โครงการ propylene oxide และ polyol และโครงการ ORP ซึ่งจะเริ่มดำเนินการผลิตในปี 2563 จะช่วยผลักดันการเติบโตของบริษัทในช่วงดังกล่าว

      การผลิตที่ครบวงจรและต้นทุนการผลิตที่ต่ำ: PTTGC มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่ มีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูง ส่งผลให้บริษัทมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่มากกว่า และอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่สูงกว่า เมื่อเทียบกับผู้ผลิตปิโตรเคมีและน้ำมันอื่นๆ ในประเทศ นอกเหนือจากนี้ PTTGC ยังมีความได้เปรียบในเรื่องต้นทุนการผลิตเนื่องจากวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิตโอเลฟินส์ คือก๊าซธรรมชาติซึ่งจัดหาได้จากภายในประเทศ และบริษัทยังได้รับประโยชน์จากการที่มีสัญญาการจัดหาวัตถุดิบระยะยาวกับบริษัทแม่ หรือ ปตท. ซึ่งช่วยลดความผันผวนของส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบได้

       ความผันผวนตามวัฏจักรของธุรกิจ: อันดับเครดิตของบริษัทถูกลดทอนจากความผันผวนของราคาผลิตภัณฑ์ตามวัฎจักรของธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น ความผันผวนของอัตราส่วนกำไรของผลิตภัณฑ์ ค่าการกลั่น ราคาวัตถุดิบ ราคาน้ำมัน และความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียน ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อกำไรและกระแสเงินสดของบริษัท นอกจากนี้ PTTGC ยังมีความเสี่ยงจากการพึ่งพาแหล่งวัตถุดิบน้อยแหล่ง เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตส่วนใหญ่มาจาก บมจ. ปตท. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท อย่างไรก็ตามความเสี่ยงจากการที่บริษัท รับวัตถุดิบส่วนใหญ่จาก ปตท. ได้ถูกบรรเทาลงจากการที่ ปตท. มีอันดับเครดิตที่แข็งแกร่ง และเป็นผู้ดำเนินธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ในประเทศไทย

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

               อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ PTTGC ได้มีการพิจารณารวมถึงการปรับเพิ่มอันดับเครดิตขึ้นสองอันดับจากสถานะเครดิตโดยลำพัง (Standalone credit profile) ของบริษัท ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความสัมพันธ์ระดับปานกลางระหว่างบริษัท กับ ปตท. โดย PTTGC เป็นบริษัทปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดของกลุ่ม ปตท. และเป็นตัวจักรสำคัญในการขยายธุรกิจปิโตรเคมีของ ปตท. โดยเห็นได้จากการที่ ปตท. ได้โอนธุรกิจปิโตรเคมีให้กับ PTTGC ในปี 2560 นอกจากนี้ PTTGC ยังได้รับผลประโยชน์จากสัญญาการจัดหาก๊าซธรรมชาติกับ ปตท. ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีความได้เปรียบในเรื่องต้นทุนการผลิต และสัญญาการซื้อขายผลิตภัณฑ์กับ ปตท. ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับวัตถุดิบได้

      สถานะทางเครดิตโดยลำพัง (Standalone credit profile) ของ PTTGC ที่ ‘aa-(tha)’ สะท้อนถึงขนาดธุรกิจและการผลิตปิโตรเคมีที่ใหญ่ของบริษัท รวมถึงต้นทุนการผลิตที่ต่ำ เนื่องจากการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี     สถานะทางธุรกิจของ PTTGC แข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทในธุรกิจการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีในประเทศไทยที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิต และมีอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งดังกล่าว PTTGC มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่า มีการผลิตปิโตรเคมีที่มากกว่า และมีอัตราส่วนกำไรที่สูงกว่า บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP (อันดับเครดิตที่ ‘AA(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ; สถานะเครดิตโดยลำพังที่ ‘a+(tha)’)     PTTGC มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่าและมีการกระจายตัวของธุรกิจปิโตรเคมีที่มากกว่า บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC (อันดับเครดิตที่ ‘A- (tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ; สถานะทางเครดิตโดยลำพังที่ bbb+(tha) นอกจากนี้ บริษัทยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งกว่าและมีอัตราส่วนกำไรที่สูงกว่ามาก

สมมุติฐานที่สำคัญ:

­              ราคาน้ำมันดิบ (เบรนท์) ที่ราคา 65 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2562, 62.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2563, 60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2564 และ 57.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในปี 2565   เป็นต้นไป โดยมีการปรับปรุงด้วยส่วนต่างราคาน้ำมันตามการซื้อน้ำมันดิบของ PTTGC;

­      ค่าการกลั่นที่ปรับตัวลดลงในปี 2562

      กำไรของธุรกิจอะโรเมติกส์ปรับลดลงเล็กน้อยในปี 2562 และค่อนข้างทรงตัวหลังจากนั้น

­     กำไรของธุรกิจโอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์อนุพันธ์โอเลฟินส์ ปรับลดลงเล็กน้อยในปี 2562 และค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้นหลัง จากนั้น

­              ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนจำนวน 1.07 แสนล้านบาท ในปี 2562-2566 ทั้งนี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายลงทุนที่อยู่ในแผนและค่าใช้จ่ายเพื่อการบำรุงรักษา

 

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยบวก:

      ระดับความสัมพันธ์ในด้านการดำเนินงาน และความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระหว่างบริษัท กับ ปตท. ที่เพิ่มสูงขึ้น

­     การเพิ่มสถานะเครดิตโดยลำพังของบริษัท ยังไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสองถึงสามปีข้างหน้า เนื่องจากธุรกิจของบริษัทที่ยังเล็กกว่าเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการขนาดใหญ่ในต่างประเทศ และการที่บริษัทมีรายได้ส่วนใหญ่ที่มาจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีประเภท Commodity ที่มีความผันผวนสูง

 

ปัจจัยลบ:

­       FFO-adjusted net leverage ที่สูงกว่า 2.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง จากการลงทุนที่ใช้แหล่งเงินทุนจากการกู้ยืมที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ หรือ ค่าการกลั่นและส่วนต่างระหว่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีกับราคาวัตถุดิบที่อยู่ในระดับต่ำ

­       ระดับความสัมพันธ์ในด้านการดำเนินงาน และความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ระหว่างบริษัทฯ กับ ปตท. ที่ลดน้อยลง

 

สภาพคล่อง

      สภาพคล่องที่แข็งแกร่ง: PTTGC มีสภาพคล่องที่แข็งแกร่ง โดยได้รับการสนับสนุนจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดจำนวน 5.2 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2561 ซึ่งมากเพียงพอที่จะรองรับหนี้สินจำนวน 8.3 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดในปี 2562 และกระแสเงินสดสุทธิที่เป็นลบในปี 2562 หนี้ที่จะครบกำหนดชำระในแต่ละปีของ PTTGC ในช่วงสามปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้น โดยมีหนี้ที่ครบกำหนดชำระก้อนใหญ่ในปี 2564-2565 ซึ่งเป็นช่วงที่หุ้นกู้สกุลเงินบาท จำนวนรวม สองหมื่นล้านบาท และ หุ้นกู้สกุลเงินเหรียญสหรัฐฯ จำนวนหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐฯ จะครบกำหนดชำระ นอกจากนี้ สภาพคล่องโดยรวมของบริษัทยังได้รับการสนับสนุนจากกระแสเงินสดสุทธิที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการระดมทุนผ่านตลาดทุนจากอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำ

 

Fitch Rates PTT Global Chemical's Debentures 'AA+(tha)'

Fitch Ratings - Bangkok - 21 August 2019:

       Fitch Ratings (Thailand) has assigned a National Long-Term Rating of 'AA+(tha)' to PTT Global Chemical Public Company Limited's (PTTGC, AA+(tha)/Stable) new senior unsecured debentures.

       The debentures of up to THB10 billion will be issued in three tranches with tenors of five, seven and 10 years. They are rated at the same level as PTTGC's National Long-Term Rating in line with its other senior unsecured obligations. Proceeds will be used as working capital, to refinance existing debt and to fund capex.

 

KEY RATING DRIVERS

      Linkage with Parent: PTTGC's National Long-Term Rating incorporates a two-notch uplift from its Standalone Credit Profile (SCP) of 'aa-(tha)', reflecting its moderate links with its parent, PTT Public Company Limited (PTT; AAA(tha)/Stable). PTTGC is a major component of the parent's petrochemical and refining (P&R) business, which is highly important as the segment accounted for around 31% of group total revenue in 2018. The segment also made the second-largest EBITDA contribution of 28% after the exploration and production business (36%). PTTGC is strategically important to PTT's P&R business as a major feedstock off-taker amid its flagship status as the group's key petrochemical producer.

      Lower Earnings in 2019: Fitch expects PTTGC's EBITDA to drop to about THB50 billion in 2019, from THB57 billion in 2018, due to lower petrochemical-product spreads and a falling gross refinery margin. We also believe sales volume may decline due to PTTGC's planned maintenance shutdown of its Aromatics Complex I and a refinery plant during the year.

        High Capex: We forecast free cash flow (FCF) to turn negative in 2019 as operating cash flow is unlikely to cover capex and dividend payments. Fitch expects capex to increase to around THB43 billion in 2019, from THB33 billion in 2018, to support the construction of a propylene oxide and polyols project and an olefins reconfiguration project (ORP). FFO adjusted net leverage is likely to increase to around 1.5x-1.6x, from 0.9x in 2018, before dropping to around 0.6x-1.1x in 2020 and 2021 on lower capex after the company finishes its major investments.

      New Capacity; Volume Growth: PTTGC's sales volume should increase in the medium term, driven by new petrochemical capacity. The company started operations at its 434,000 tonne per annum (tpa) liner low-density polyethylene plant and hexane-1 plant in 1Q18 and its 200,000 tpa methyl ester plant 2 in 1Q19. The propylene oxide and polyols project and the ORP, which will be in operation in 2020, will also help drive the company's growth.

     Fully Integrated, Low-Cost Producer: The company's large operating scale, wide product range and high utilisation rate result in larger operating cash flow and a higher operating margin than those of domestic P&R peers. PTTGC benefits from cost-competitive feedstock as the majority of its olefins feedstock is gas-based and available domestically. It also has a favourable gas-supply agreement with its parent, PTT, which reduces margin volatility when market conditions fluctuate.

    Highly Cyclical Business: PTTGC's credit profile is tempered by the inherent cyclicality of the P&R sector. The volatility of product-to-feed margins, refining margins, feedstocks prices, oil prices and working-capital requirements could affect PTTGC's earnings and cash-flow generation significantly. PTTGC is also exposed to supply concentration risk as the majority of its feedstock is secured from PTT. This is mitigated by PTT's strong credit profile and position as Thailand's leading oil and gas company.

 

DERIVATION SUMMARY

        PTTGC's National Long-Term Rating incorporates a two-notch uplift from its SCP, reflecting moderate linkages with PTT. PTTGC is PTT's largest petrochemical subsidiary and flagship company in the petrochemical business, which was evident from the injection of PTT's petrochemical assets into PTTGC in 2017. PTTGC benefits from a gas-supply agreement with PTT, leading to competitive feedstock cost. The favourable product offtake agreements with PTT also help reduce the margin volatility of its petrochemical products.

       PTTGC's SCP reflects its large operating scale and integration along the petrochemical value chain, as well as its low-cost position as a gas-based petrochemical producer. It has the strongest business profile among Thai downstream oil and gas peers and its financial leverage is low. PTTGC has larger operating scale, more integration into petrochemicals and higher profitability than Thai Oil Public Company Limited (AA(tha)/Stable, SCP: a+(tha)). PTTGC's operations and diversification are larger than that of IRPC Public Company Limited (A(tha)/Stable, SCP: bbb+(tha)). In addition, it has a stronger balance sheet and better operating profit margin.

 

KEY ASSUMPTIONS

Fitch's Key Assumptions Within Our Rating Case for the Issuer

- Benchmark Brent crude price at USD65.0/barrel (bbl) in 2019, USD62.5/bbl in 2020, USD60.0/bbl in 2021 and USD57.5/bbl thereafter, with PTTGC's crude-procurement cost adjusted for applicable premiums

- Market-refining margin to soften in 2019

- Aromatic segment's profitability to soften slightly in 2019 and stay broadly flat thereafter

- Olefin and derivative segment's profitability to soften slightly in 2019 and gradually improve thereafter

- THB107 billion of capex over 2019-2023, including committed capex, investment and maintenance costs

 

RATING SENSITIVITIES

Developments that May, Individually or Collectively, Lead to Positive Rating Action

- Evidence of stronger ties with PTT

- Positive action on PTTGC's SCP is unlikely in the medium-term due to its modest scale by global standards and high exposure to the commodity-petrochemical business

Developments that May, Individually or Collectively, Lead to Negative Rating Action

- A sustained rise in leverage, measured by FFO adjusted net leverage, to above 2.0x due to large debt-funded investments or persistently thin refining margins and petrochemical spreads

- Weakened ties with PTT

 

LIQUIDITY AND DEBT STRUCTURE

       Strong Liquidity: PTTGC has strong liquidity, supported by high non-restricted cash and cash equivalents of THB51.7 billion at end-2018. This was more than adequate to cover THB8.3 billion of debt maturing in 2019 and the likely negative FCF. Debt repayments will increase over the next three years, with large repayments in 2021-2022, when THB20 billion of Thai baht bonds and USD1 billion of US dollar notes are due. Liquidity is reinforced by PTTGC's strong FCF generation and ability to raise funds in the capital markets, supported by low financial leverage.

Click Donate Support Web

ais 790x90

GC 950x120

sme 720x90

banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!